วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทฤษฎีดนตรี มีประโยชน์อย่างไร

             การเล่นกีตาร์นั้นไม่ยากหากผู้เล่นเข้าใจทฤษฎีของดนตรีอย่างลึกซึ้ง สำหรับผู้ที่เริ่มฝึกเล่นดนตรีใหม่ ๆ มักจะไม่เข้าว่าทฤษฎีคืออะไร และจะมีประโยชน์อะไร (ผู้เล่นใหม่บางคนคิดว่า ฉันสามารถจับคอร์ดได้แล้ว เล่นได้หลายคอร์ด ฉันเนี่ยเก่งแล้ว... แต่ถว่าไม่รู้ที่มาของคอร์ด) อย่างนั้นถึงเพื่อน ๆ จะสามารถเล่นคอร์ดได้หลายคอร์ดก็จริง รู้ว่าคอร์ด A7 ต้องจับอย่างไหน คอร์ด Cmaj7 ก็จับได้นะ แต่ความสามารถของเพื่อน ๆ ก็จะหยุด อยู่แค่นั้นไม่พัฒนาขึ้นมา หากว่าไม่ศึกษาเพิ่มเติม ผู้เขียนจะยกตัวอย่างการนำทฤษฎีดนตรีไปใช้ เช่น

1.รู้คีย์ของเพลง เพื่อใช้ในการแกะเพลง แกะลูก Solo เอง เช่น ถ้ารู้ว่าเพลงนี้อยู่ใน key C ที่นี้เพื่อน ๆ ก็จะรู้ว่าเพลงนี้อยู่ในบันไดเสียง C maj ใช้ไหม มันก็จะมีกลุ่มคอรฺ์ดในคีย์นี้คือ C Dm Em F G Am Bmb7 และตัวโน้ตก็จะอยู่ในบันไดเสียง C maj  เนี่ยละ ที่นี้ละก็ไม่ต้องง้อ tab และ หนังสือเพลงแล้วแกะเองเลย ^-^


2.สามารถนำความรู้ไปแต่งเพลงได้ เพราะรู้คีย์เพลง รู้กลุ่มคอร์ด ที่นี้ละสร้างดนตรีเองเลย

 3.สามารถเล่นประสานเสียงกับ เครื่องดนตรีชนิดอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น เบส กลอง เช่น เปียโน แซกโซโฟน ก็ได้ เพราะรู้จักตัวโน้ตที่จะนำไปใช้ เพื่อได้เสียงดนตรีที่หลากหลาย


.....และยังมีอย่างอื่นอีก บางคนเริ่มงงแล้วใช่ไหมละ 555 แต่นี้เป็นเพียงการนำไปใช้ เรื่องทฤษฎีดนตรีนี้ไม่ยากอย่างที่คิดหรอกหากทำความเข้าใจกับมัน คำตอบก็จะอยู่ในตัวของมันเอง ละครับเพื่อน ๆ

โน้ตบนคอกีตาร์



วิธีการจำโน้ตบนคอกีตาร์ เพื่อน ๆ สามารถจำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ ไล่ C D E F G A B และก็วนกลับมาใหม่

ส่วนเครื่องหมาย # คือสูงขึ้นครึ่งเสียง  เครื่องหมาย b คือต่ำลงครึ่งเสียง 

ตัวอย่าง โน้ตระหว่าง C กับ D ก็คือ *C# และ Db

*(มีค่าเสียงที่เท่ากัน)

ฝึกทุก ๆ วัน แค่นี้เพื่อน ๆ ก็จะสามารถไล่โน้ตบนคอได้ทั้งหมดแล้วนะครับ







บันไดเสียง (Scale)

ความหมายของบันไดเสียง
  
         บันไดเสียง (Scale) ในดนตรีตะวันตกเป็นชุดของระดับเสียงที่เรียงกันไปของโน้ตไม่เกิน 12 ตัว  C, C#(Db), D, D#(Eb), E, F, F#(Gb), G, G#(Ab), A, A#(Bb), B ตามสำเนียงที่แตกต่างดันไปตามวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ที่ใช้ก็จะมี 7 ตัวเท่านั้นละครับ คือ C D E F G A B หรือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที

การเรียกชื่อบันไดเสียง

        บันไดเสียงจะมีชื่อเรียกตามโน้ตตัวแรกของบันไดเสียงนั้น ๆ เช่น เมเจอร์สเกลที่ประกอบด้วยโน้ต ยกตัวอย่าง C D E F G A B ก็จะเรียกว่า C Major Scale อีกตัวอย่าง E F# G# A B C# D# ก็จะเรียกว่า E Major Scale (เพื่อน ๆ อาจจะงง ว่าทำไม E Major Scale มีการใส่ # เดียวค่อยไปดูในเรื่อง เครื่องหมายกำหนดบันไดเสียง )

ประเภทของบันไดเสียง

     ในบันไดเสียง จะใช้บันไดเสียงหลักได้แก่ เมเจอร์(Major) และไมเนอร์(Minor) ซึ่งเป็นบันไดเสียงที่ประกอบขึ้นจากโน้ต 7 ตัว เวลาไล่เสียงจะไล่จากโน้ตตัวที่ 1-7 แล้วจะไล่ไปหาโน้ตที่ชื่อเดียวกันกับโน้ตตัวแรกแต่อยู่สูงขึ้นไป 1 Octave เช่น C D E F G A B และก็กลับมาวนใหม่ ลองนับดูว่าจะมี 7 ตัว และกลับมาวนใหม่ 1 Octave พอกลับมาวนใหม่อีกรอบก็จะเป็น  2 Octave เสียงที่ได้ก้จะสูงขึ้นไปด้วย

บันไดเสียงเมเจอร์  จะมี

C Major Scale - C     D     E     F     G    A     B
D Major Scale - D     E     F#   G     A    B     C#
E Major Scale - E     F#   G#   A     B    C#   D#
F Major Scale - F     G     A     Bb   C    D     E
G Major Scale - G    A     B     C     D    E     F#
A Major Scale - A     B     C#   D     E    F#   G#
B Major Scale - B    C#    D#   E    F#   G#   A#


ยกตัวอย่าง

C Major Scale - C D E F G A B






G Major Scale - G A B C D E F#







      เอาละที่นี่เพื่อน ๆ ก็ลองไปไล่โน้ตดู ทั้ง 7 Scale ตามโน้ตที่ได้ให้ไป (แต่เพื่อน ๆ ต้องรู้โน้ตบนคอกีตาร์ก่อนนะครับ ดูภาพประกอบโน้ตบนคอกีตาร์ ) พอไล่ได้ทั้ง 7 Major Scale แบบคล่องโดยไม่ต้องดูแล้ว ค่อยมาดูต่อ Minor Scale นะครับ













เครื่องหมายกำหนดบันไดเสียง (Key signature)

        ระยะห่างระหว่างโน้ตเป็นโครงสร้างที่ใช้กำหนดบันไดเสียงประเภทเดียวกัน เมื่อตัวเริ่มต้นหรือโน้ตตัวแรกของบันไดเสียงเปลี่ยนไป  จะทำให้ระยะห่างระหว่างโน้ตไม่เหมือนเดิม และต้องปรับให้มีโครงสร้างแบบเดียวกันโดย ใช้เครื่องหมายแปลงเสียง เช่น 

โน้ตใน C Major Scale - C D E F G A B เป็นแม่แบบ

เมื่อเราต้องการรู้ E Major Scale

เราก็นำโน้ต E มาเป็นตัวเริ่มต้น E F G A B C D  และเราก็จะใส่ # ตัวที่ 2 3 6 7  จะได้

E Major Scale - E  F#  G#  A  B  C#  D#   ตามโครงสร้าง Major Scale

เมื่อเราต้องการรู้ A Major Scale

เราก็นำโน้ต A มาเป็นตัวเริ่มต้น A B C D E F G และเราก็จะใส่ # ตัวที่ 3 6 7 จะได้

A Major Scale - A  B  C#  D  E  F#  G#   ตามโครงสร้าง  Major Scale

ส่วน Major Scale อื่น ๆ ก็ทำเช่นเดียวกันกัน ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสงสัยแล้วโครงสร้าง Major Scale มาจากไหน  ให้เพื่อน ๆ ไปทำความเข้าใจ กับเรื่องบันไดเสียงนะครับ ผมก็ไม่สามารถจะอธิบายได้ทั้งหมด เป็นสิ่งที่เราจะรู้ได้ด้วยตัวเองเมื่อฝึกไปนาน ๆ เล่นไปนาน ๆ แล้วจะเกิดการเรียนรู้เองครับ
 






บันไดเสียงไมเนอร์

มี 3 ประเภท ได้แก่ Natural Minor,Harmonic Minor,Melodic Minor 

Natural Minor เพียงแค่ใส่ b โน้ตตัวที่ 3 6 7 ในบันไดเสียง Major Scale ก็ได้แล้วครับ

C Natural Minor Scale - C     D      Eb    F     G     Ab    Bb
D Natural Minor Scale - D     E      F      G     A     Bb    C
E Natural Minor Scale - E     F#    G      A     B     C      D
F Natural Minor Scale - F     G      Ab    Bb    C     Db    Eb
G Natural Minor Scale - G    A      Bb     C     D     Eb    F
A Natural Minor Scale - A     B      C      D     E      F     G
B Natural Mionr Scale - B     C#    D      E     F#    G     A 

Harmonic Minor ใส่ b โน้ตตัวที่ 3  6  ในบันไดเสียง  Major  Scale

C Harmonic Minor Scale - C    D      Eb    F     G     Ab     B
D Harmonic Minor Scale - D    E      F      G     A     Bb     C#
E Harmonic Minor Scale - E     F#   G      A     B     C       D#
F Harmonic Minor Scale - F     G     Ab    Bb    C     Db     E
G Harmonic Minor Scale - G    A     Bb     C     D     Eb     F#
A Harmonic Minor Scale - A     B     C      D     E      F      G#
B Harmonic Mionr Scale - B     C#   D      E     F#    G     A# 

Melodic Minor ใส่ b โน้ตตัวที่ 3 ในบันไดเสียง  Major scale ในขาขึ้น ส่วนขาลง(ไล่โน้ตย้อนกลับ)จะเหมือนกับ Natural Minor

C MelodicMinor Scale -  C      D      Eb      F     G     A        B
D Melodic Minor Scale - D     E       F       G      A     B       C#
E Melodic Minor Scale - E      F#    G       A      B     C#     D#
F Melodic Minor Scale - F      G      Ab     Bb     C     D       E
G Melodic Minor Scale - G     A      Bb      C      D     E       F#
A Melodic Minor Scale - A      B      C       D      E     F#     G#
B Melodic Mionr Scale - B      C#    D       E      F#   G#    A#

เป็นไงละไม่ยากใช่ไหม กับไมเนอร์สเกล แต่มีที่ต้องระวังอยู่ก็คือ melodic minor ในส่วนขาลงนั้นจะเหมือนกับ Natural Minor นะครับ เช่น
A Melodic Minor Scale - A B C D E F# G#  ในส่วนขาลงก็คือ G F E D C B A  Melodic อื่น ๆ ก็ทำนองเดียวกัน หลังจากนี้เพื่อน ๆ ก็ลองหยิบกีตาร์มาไล่ Scale ให้คล่อง ๆ เลยนะครับให้ได้ทั้ง Major Scale และ Minor Scale เพราะนี้จะเป็นพื้นฐานในการคิด Mode ต่อไป